วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556

เสน่ห์หลวงน้ำทา


เสน่ห์หลวงน้ำทา
                                                                                                                   โดย อุดม   พรมแก้วงาม
......................
            หลายเมืองใน สปป.ลาว เป็นเมืองที่ใฝ่ฝันจะได้มีโอกาสไปเยือน  เช่น วังเวียง อุดมไชย จำปาศักดิ์ ทุ่งไหหิน เชียงขวาง  หัวพัน ซำเหนือ ปากซัน ปากเซ และอีกหลายๆเมือง รวมถึงหลวงน้ำทาด้วย และครั้งนี้ก็ได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมยามในตัวเมืองหลวงน้ำทา เพราะครั้งก่อนๆ ก็เพียงแต่ผ่านนอกเมือง แต่ครั้งนี้มุ่งตรงหลวงน้ำทา โดยเดินทางร่วมกับคณะเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 2
            เริ่มต้นการเดินทางจากลำปางเช้าวันที่ 23 พฤษภาคม 2556 ตอนตี 5 ด้วยรถยนต์ตามเส้นทาง ลำปาง-เชียงราย โดยแวะพักรถและพักคนที่วัดร่องขุ่น อำเภอเมืองเชียงรายก่อนเดินทางเข้าอำเภอเวียงชัย อำเภอพญาเม็งราย ผ่านไปทางบ้านผางาม อำเภอเวียงแก่น และไปโผล่บ้านป่างิ้วใกล้ๆ โรงเรียนเชียงของวิทยาคม ถึงเชียงของก็เกือบเที่ยง แวะรับประทานอาหารกลางวันที่ โรงแรมแม่โขง รีเวอร์ไซด์ ก่อนเดินทางข้ามเรือไปยังแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว
P2230056.JPGP2230058.JPG
1 สภาพบริเวณวัดร่องขุ่น                                                                       2  ทิวทัศน์แม่น้ำโขงมองจากร้านอาหารฝั่งไทย
            เส้นทาง R-3A เป็นเส้นทางที่เดินทางในครั้งนี้โดยรถยนต์ของ สปป.ลาว ระยะทาง 175 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เป็นถนนลาดยาง 2 เลน เส้นทางจะคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา รถวิ่งสวนกัน  โดยรถจะแวะจอดจุดที่พักรถที่ “ขัวน้ำฟ้า” ให้พวกเราได้ยืดเส้นยืดสายกัน พอรถจอดพวกเราก็เจอเสน่ห์ธรรมชาติคือเนื้อสัตว์ป่า เช่น เก้ง กวาง โดยพวกเราหลงเสน่ห์เนื้อเก้งกันและหลายๆ คนเตรียมน้ำพริกลาบมาพร้อม ก็เลยกินลาบเก้ง พร้อมเบียร์ลาว ก่อนออกเดินทางต่อก็ซื้อเนื้อย่างติดตัวมาอีกเพื่อมาแกงในมื้อเย็น สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือ แม้ว่าจะมีการล่าสัตว์แต่วิธีการก็เป็นวิธีการพื้นบ้าน อาวุธและเครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่มีประสิทธิภาพสูงนัก และที่สำคัญคือประชากรเขาน้อย ผู้คนที่ทำมาหากินด้านนี้ก็ไม่มาก แต่ก็จำเป็นที่จะต้องดูแลเรื่องการอนุรักษ์กันต่อเพราะในอนาคตจะเป็นปัญหา
P2230060.JPGP2230062.JPG
                3 จุดจอดรถที่ขัวน้ำฟ้า                                      4 อีกมุมหนึ่งของจุดจอดรถขัวน้ำฟ้า
            อีกชั่วโมงเศษจากที่พักรถขัวน้ำฟ้า เราก็ถึงหลวงน้ำทาก็เกือบ 6 โมงเย็น จุดแรกที่ไปแวะก่อนอาหารเย็นคือ Night Market เพราะหากเลยเวลานี้ไปแล้วตลาดก็จะวาย ที่ตลาดนี้จะจำหน่ายประเภทอาหารเป็นหลัก เป็นผลผลิตจากท้องถิ่น ผู้คนที่มาจับจ่ายส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งที่ตลาดนี้มีเสน่ห์สำหรับนักท่องเที่ยวประเภท Back Pack จากยุโรป อาหารที่จำหน่าย เช่น ข้าวโพดต้ม ทั้งต้มเป็นฝัก และแกะเมล็ดให้พร้อมกิน อาหารการกินพื้นบ้าน ข้าวเหนียว กล้วยปิ้งซึ่งจะแตกต่างจากบ้านเราโดยเขาจะปิ้งกล้วยสุกเป็นลูก พอสุกแล้วก็ผ่าครึ่งแล้วเอามะพร้าวอ่อนคลุกเกลือ และน้ำตาลยัดไส้ รสชาติก็อร่อยดี
P2230063.JPGP2230064.JPG
                               5 ตลาด Night Market                                              6 สินค้าที่ขายในตลาด
            เกือบชั่วโมที่พวกเราหลงเสน่ห์อาหารพื้นบ้านที่ตลาด หรืออาจจะเพราะความหิวก็ได้ที่ทำให้พวกเรากินเอากินเอาโดยลืมนึกว่าต้องมีรายการอาหารเย็นอีก เราต้องนั่งรถย้อนออกมายังถนนสายหลักเพราะบริษัทจัดอาหารไว้รอพวกเราที่นั่น
            อาหารเย็นวันนี้ก็เป็นอาหารโดยทั่วไปที่คนไทยกินกัน ทั้งต้ม ยำ ผัด ลาบ อีกทั้งอาหารเสริมประเภทอาหารป่า ทั้งลาบและแกงอ่อม คลุกเคล้าด้วยเสียงเพลงที่พวกเราเปลี่ยนกันไปขับกล่อมกันเอง และบริษัทก็จัดกิจกรรมสร้างบรรยากาศด้วยการมอบรางวัลแก่ผู้มีชัยเพื่อไปให้ถึง ”สวรรค์หลวงน้ำทา” ในลักษณะเชิงสร้างสรรค์ เป็นเงิน 2,000 กีบ/ราย เพื่อเป็นค่านั่งรถสามล้อกลับโรงแรม
            จากนั้นก็นำคณะเข้าที่พัก โดยเข้าพักที่โรงแรมโรแยลหลวงน้ำทาเกือบ 3 ทุ่ม เมื่อเชคอินแล้วต่างก็เข้าห้องพักเพราะต่างก็เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง อากาศที่นี่ค่อนข้างเย็นขณะที่เรานั่งร้านอาหารก็ต้องหาเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อเราพักในที่พักอากาศก็ค่อนข้างเย็น โดยนัดหมาย 6-7-8 แต่พอรุ่งเช้าด้วยที่ได้พักเต็มอิ่ม ตี 5 กว่าๆ เราก็ตื่น ทำธุระเสร็จก็ออกไปเดินตลาดซึ่งอยู่ที่หน้าโรงแรม
P2240067.JPGP2240068.JPG
                      7 โรงแรมที่พัก                                          8 สภาพชุมชนหลาวงน้ำทา มองจากห้องพักในโรงแรม
            เสน่ห์ของตลาดหลวงน้ำทาคือ ความเป็นตลาดพื้นบ้าน (Local Market) หลายคนที่เดินผ่านกลับไปบอกว่าไม่ต้องไป ไม่มีอะไร แต่โดยธรรมชาติของการศึกษาวิถีชีวิตแล้ว ตลาดจะอธิบายเศรษฐกิจ สังคม วิธีคิด และอีกหลายๆ เรื่องของชุมชนได้อย่างดี เสน่ห์ที่นี่คือความเรียบง่าย ความเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องปรุงแต่ง ในลักษณะ “มาอย่างไร ไปอย่างนั้น” ดังนั้นสินค้าที่วางขายก็จะเป็นของที่จำเป็นสำหรับชีวิตโดยเน้นที่อาหาร ผักจากธรรมชาติที่เป็นของป่า  อาทิ หน่อไม้ขม หน่อหวาย บอน รวมไปถึงสัตว์ป่าที่หาได้จากการไล่ล่า เช่น นก ไก่ป่า เก้ง กวาง งู ตุ่น เม่น สัตว์ต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นสัตว์ที่หายากมากในบ้านเรา และนอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายเนื้อสุนัขด้วย โดยการชำแหละให้เสร็จพร้อมต้องโชว์หัวให้เห็นด้วย เพราะมิฉะนั้นก็คงจะเป็นของปลอม
            พอเดินตลาดจนได้เวลานัดก็เดินทางออกมารับประทานอาหารเช้าที่ร้านเดิมเมื่อเย็นวานนี้ อาหารเช้านอกจากจะเป็นประเภทข้าวต้ม กาแฟ และน้ำผลไม้แล้ว ลาบ และอ่อมเก้ง สืบเนื่องจากเช้านี้หลายคนซื้อหาติดไม้ติดมือเพื่อเข้าบ้านอีก และก็แบ่งมาปรุงเลี้ยงดูกัน เมื่ออิ่มกันเรียบร้อยแล้วต่างก็ขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับตามเส้นทางเดิม โดย “ขัวน้ำฟ้า” ก็ยังเป็นจุดพักการเดินทางเช่นเดิม และที่นี้พวกเราก็ยังหาของฝากติดไม้ติดมือกันโดยเฉพาะเนื้อเก้ง กาแฟลาวที่ชื่อ “ดาว” เป็นกาแฟอาราบิก้าจากไร่กาแฟดาวเรือง บนที่ราบสูงบอละเวน และพื้นที่ปลูกสูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร ปลูกบนดินที่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ คือดินจากภูเขาไฟ ด้วยวิธีการปลูกแบบธรรมชาติ
9 ตลาดยามเช้าเมืองหลวงน้ำทา               
                
10 สินค้าหลากหลายที่ค้าขาย

            เมื่อพอสมควรแก่เวลาก็ออกเดินทางต่อ จนเวลาล่วงเลยถึง 11 น. ก็ถึงห้วยทราย และให้เวลาในการจับจ่ายที่ตลาดอินโดจีนที่ฝั่งห้วยทราย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสินค้าจีนที่พ่อค้าจีนมาเปิดตลาดทำการค้าเพื่อรองรับสะพานข้ามน้ำโขงแห่งที่ 4 และ AEC อีกด้วย พวกเราต่างก็หาซื้อเครื่องมือทำมาหากินกัน ทั้งเลื่อย สว่าน มือถือ ไพ่ บ้างก็ได้เครื่องเสียงชุดเขื่องเพื่อนำไปใช้สนับสนุนจัดกิจกรรมในโรงเรียน พอได้ข้าวของครบกันถ้วนหน้าก็มารับประทานอาหารกันที่ร้านอาหารห้วยทรายก่อนอำลา สปป.ลาว
            เมื่อเรียบร้อยแล้วก็พากันมาที่ท่าเรือ บ้างก็แวะที่ร้านค้าปลอดภาษีเพื่อยังหาของฝากที่ยังขาดไป แล้วก็ข้ามฟาก เมื่อเราข้ามถึงฝั่งไทยแล้วรถก็มารออยู่ที่ด่านเพื่อรับคณะเราเพื่อเดินทางต่อ โดยเป้าหมายอยู่ที่แม่สาย ไปตามเส้นทาง เชียงของ-กิ่วกาน-บ้านแซว-เชียงแสน-(กอรวก)สามเหลี่ยมทองคำ-แม่สาย โดยใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมงถึงแม่สาย เส้นทางนี้เคยเดินครั้งแรกเมื่อประมาณปี 2523 เป็นเส้นทางอันตราย เป็นทางสายยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะบริเวณกิ่วกาน เป็นทางแคบๆ ขึ้น-ลงเขา ทางลำบาก ขนาดรถแลนด์โรเวอร์ยังทำท่าจะติดหล่ม และต้องใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงจึงจะถึงเชียงแสน วันนี้เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้นก็ถึงแม่สาย และโดยเฉพาะทางช่วงเชียงแสน-แม่สาย เริ่มเปิดเป็น 4 ช่องจราจร เพื่อรองรับสะพานแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก เมื่อถึงแม่สายตอน 4 โมงครึ่ง เปิดโอกาสให้พวกเราได้เดินแม่สาย 1 ชั่วโมง และทางบริษัทได้เตรียมหนังสือผ่านแดนไว้ให้พร้อม
            1 ชั่วโมง สำหรับการเดินชายแดนแม่สาย ถ้าเราไปบ่อยๆ ก็ดูจะพอดี ไม่น่าเบื่อ เพราะมิฉะนั้นก็เซ็ง ยิ่งถ้าข้ามไปฝั่งท่าขี้เหล็กก็ต้องไปอย่างมีเป้าหมายกลับมาก็ยังพอมีเวลาดื่มกาแฟให้หายง่วงได้อีก พอเลยเวลานัดหมายนิดหน่อย พวกเราก็พร้อมออกเดินทางกลับ เป้าหมายอยู่ที่พะเยาเพื่อรับประทานอาหารมื้อเย็นที่ภัตตาคารแสงจันทร์ใกล้กว๊านพะเยา
            2 ชั่วโมง สำหรับการเดินทางจากแม่สาย-พะเยา ในยามเย็นโพล้เพล้ เป็นการเดินทางอย่างสบายๆ มีเรื่องคุยกันในเชิงสร้างสรรค์ บางเรื่องที่มีผลกระทบก็เป็นการวิพากย์ มิได้วิจารณ์ เพื่อให้วงสนทนาได้ใช้เป็นแนวคิดในการทำงานโดยเฉพาะการทำงานรับใช้สังคม เราต้องการให้งานที่ทำเกิดจากจิตสำนึกภายในตัวตนมากกว่าการใช้การสั่งการเชิงนโยบาย อันเป็นสุดยอดของการบริหารงาน บริหารคน บริหารเงิน และบริหารกิจการ

11 บริเวณด่านชายแดนแม่สาย

                                             
                                                                  12 มุมหนึ่งของกว๊านพะเยา

            ทุ่มครึ่งถึงพะเยา กว๊านพะเยายังไม่หลับ แสงสี และผู้คนต่างยืนรับไอเย็นจากน้ำพุเต้นระบำประกอบเพลงเหมือนที่สิงคโปร์ทำเมื่อ 10 กว่าปีก่อนแถวๆเซ็นโตซ่า แต่วันนี้เขาก็ก้าวกระโดดไปอีกระดับหนึ่ง พะเยาวันนี้รอบกว๊านยังสดชื่น มีชีวิตชีวา และสามารถพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อีกมาก ก็อยู่ที่การลงทุน และส่งเสริม สนับสนุน จากทุกภาคส่วน อาหารเย็นมื้อนี้ใช้เวลาค่อนข้างนานถึงชั่วโมงครึ่งเพราะมีเรื่องคุยกันเยอะ แค่พอเริ่มจะคุยกันคนละเรื่องแล้วก็ออกเดินทางต่อ จากพะเยาถึงลำปาง 2 ชั่วโมงครึ่งเป็นเวลามาตรฐานสำหรับการขับขี่อย่างปลอดภัย ที่ทุกคนถึงบ้าน 5 ทุ่มนิดๆ
            เสน่ห์หลวงน้ำทาเที่ยวนี้ ทั้งหลายทั้งปวงก็คือเสน่ห์ความเป็นธรรมชาติ ความเป็นวิถีชีวิต ความเรียบง่าย ความไม่ปรุงแต่ง ความซื่อและความบริสุทธิ์ของชุมชน ก็จะตราตรึงเป็นเสน่ห์หลวงน้ำทาตราบนานเท่านาน


....................

           




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น